ดูหนัง dune ภาค 2 ดูหนังออนไลน์ หนังเต็มเรื่องฟรี 2024

ดูหนัง dune ภาค 2

ดูหนัง dune ภาค 2 กลับมาอีกรอบกับ Dune 2 มหากาพย์ภาพยนตร์ Sci-Fi ที่ปี สืบต่อตำนานการเสี่ยงอันตรายที่ผลิตขึ้นมาจากนิยายมีชื่อเสียงของ Frank Herbert ดูแลโดย Denis Villeneuve ประสบผลสำเร็จจาก Dune ภาค 1 ออกฉายทีแรกเมื่อปี 2021 รวมทั้งได้รับรางวัล Academy Award ถึง 6 รางวัล โดยการกลับมาคราวนี้เป็นการเดินเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้นกว่าภาคที่แล้วใน Dune Part Two ขึ้นแท่นหนังฟอร์มยักษ์พร้อมเข้าฉายในระบบ IMAX เนื้อหานี้ ไทยเมืองออนไลน์นำรีวิวและก็สาระน่าดึงดูดมาฝากกัน

Dune 2 (Dune PART TWO) สืบต่อเรื่องราวการเดินทางของ “พอล อะเทความยินดีส” ดูหนัง dune ภาค 2

เรื่องราวการเสี่ยงอันตรายของ “พอล อะเทความยินดีส” (แสดงโดย ทิโมธี ชาลาเมต์) ที่อะเทรติส ที่จำเป็นต้องเดินทางออกจากแผ่นดินแม่ถิ่นกำเนิด ท่ามกลางกับด้านการเมืองและก็การรบเสาะหาทรัพยากรในโลกสมัยอนาคต โดยในภาคนี้พอลจำเป็นจะต้องพิสูจน์ตนเองเอาชนะความหวาดกลัวด้วยการร่วมกับ “เดอะเฟรเมน” ชนเผ่าประจำถิ่นที่มีความรู้ความสามารถสำหรับการเรียกหนอนทะเลทรายยักษ์ได้ เพื่อผ่านด่านทดลองใน “มองน” โดยมีเรื่องมีราวราวของชะตาชีวิตและก็คำทำนายที่ระบุผู้ได้รับเลือก ดูหนัง dune ภาค 2

รีวิว Dune 2 ตำนานผู้ได้รับเลือก บันเทิงใจตื่นเต้น ขึ้นแท่น Sci-Fi ระดับมหากาพย์ที่ปี

ถ้าหาก Dune ภาค 1 เป็นการปูเรื่องราวให้มองเห็นพื้นเพแล้วก็แหล่งที่มาของนักแสดง มีตัวละครใหม่ปรากฏมากยิ่งขึ้นมาย การเดินเรื่องราวบางครั้งอาจจะนิ่งๆมิได้หวือหวามากสักเท่าไรนัก แต่ว่าสำหรับ Dune 2 เป็นการถักต่อรายละเอียดสุดเข้มข้น เพื่อยกฐานะความน่าระทึกใจเป็นอย่างมากใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนังทำออกมาในต้นแบบ IMAX ได้มอบประสบการณ์ภาพ เสียง และก็วิชวลอลังการให้ผู้ชมได้สัมผัสฉากแอ็กชันยอดเยี่ยมของเรื่องราวการเสี่ยงภัยของพอล อะเทความชอบใจส ชายผู้ถูกมั่นใจว่าชะตาชีวิตได้ระบุเขาให้เป็น The Chosen One หรือที่ถูกเรียกชื่อกันว่า “ลีซาน อัล-ไกอีบ” ซึ่งก็คือคนที่จะนำพาชาวเฟรเมนไปสู่สมัยใหม่

ความน่าดึงดูดใจที่เพิ่มเข้ามาใน Dune 2 เป็นการเล่าความเชื่อมโยงที่ปรับปรุงขึ้นระหว่างพอลรวมทั้งชานี สะท้อนให้มองเห็นมุมมองชานี หญิงสาวเผ่าเฟรเมนที่มิได้ให้ศาสนาหรือความศรัทธาที่ถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นเข้ามาครอบครอง เริ่มต้นคุณเฝ้าพิจารณาพอลในฐานะคนภายนอกเผ่า ไม่ใช่ผู้นำลัทธิเหมือนกับเฟรเมนผู้อื่นแต่ว่าทั้งสองประสานมือต่อสู้กับผู้ข่มขี่ที่มีพลังอำนาจเหนือกว่า โดยที่ตัวพอลเองได้ใช้อีกทั้งเชื่อถือแล้วก็กลยุทธ์สำหรับเพื่อการนำกองทัพหมู่คน ผู้ชมจะได้มองเห็นความก้าวหน้าความเชื่อมโยงของทั้งสอง เวลาเดียวกันก็ได้มองเห็นความมีมิติของผู้แสดงพอลที่เติบโตขึ้นอีกด้วย

การแสดงนำโดยทิโมธี ชาลาเมต์ ในภาคนี้

ได้ชี้ให้เห็นถึงเสน่ห์แล้วก็ประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการแสดงอย่างเต็มเปี่ยมของเขา โดยยิ่งไปกว่านั้นหน้าที่ที่จำเป็นต้องใช้พลังความเป็นหัวหน้าทางด้านจิตวิญญาณเพื่อนำมวลชนผสานช่วยกันต่อสู้ของ “อะเทความชอบใจส” และก็ “เดอะ เฟรเมน” สำหรับการประมือกับ “ฮาร์คอนแนน” ซึ่งเป็นผู้แทนฝั่งความเถื่อนที่สื่อออกมาให้มองเห็นอย่างเห็นได้ชัด ดูหนัง dune ภาค 2

นอกจากฉากสุดวิจิตรตระการตา และก็ภาพน่าตื่นเต้นที่กำลังจะได้มองเห็นในภาคนี้ รวมถึงการต่อสู้กันของฝั่งผู้แทนคุณความดีแล้วก็ความขาดความกรุณาปรานีแล้ว ก็ยังสะท้อนให้มองเห็นถึงข้อความสำคัญความข้องเกี่ยวระหว่างมนุษย์แล้วก็ธรรมชาติ ตลอดจนการปรับตัวเพื่อดำรงเชื้อสายของผู้คน ซึ่งมีการแก่งแย่งอำนาจรวมทั้งทรัพยากรกันอย่างไม่มีทางจบนั่นเอง

ถ้าจะเอ๋ยถึงหนังในยุคนี้ที่ก็คงมากมายไปด้วยแนวพล็อตซุปเปอร์วีรบุรุษทุนครึ้มหรือหนังแนวเสี่ยงอันตรายยอดเยี่ยมๆรวมทั้งที่ขาดไปมิได้อย่างหนังสยองขวัญไอเดียที่สุดยอดกันหมดในความนึกคิดแรกๆที่คิดแล้วก็มองเห็นอยู่บ่อยครั้งตา แม้กระนั้นหากว่าเอ่ยถึงหนังแนวไซไฟคะๆแบบเต็มกำลังในยุคนี้ที่เพียงพอจะคิดออกก็น่าจะมีเพียงแค่ Dune ผลงานของผู้กำกับ เดอนี วีลเนิฟว์ ผู้กำกับมากมายวิสัยทัศน์ที่มักขับตัวภาพยนตร์ของเขาให้แจ้งชัดในทางความเป็นภาพยนตร์แบบจ้ะๆด้วยแนวทางงานภาพ มุมกล้องถ่ายภาพ เด่นชัดเป็นลายเส้นมาตั้งแต่เรื่อง Blade Runner 2049 หรือ Arrival ท่ามกลางโรคระบาดแล้วก็สมัยหนังไซไฟที่มิได้ทำเงินดกและก็กระแสแรงเท่ามหากาพย์ไซไฟเปิดโลกภาพยนตร์อย่าง Star Wars ก็กำเนิดปรากฎการณ์ในปี 2021 Dune ฟีเวอร์ขึ้นด้วยทุนสร้างที่สูงแล้วก็การเสี่ยงครึ้มตัวหนังยังสามารถปัดกวาดข้อวิพากษ์วิจารณ์เหมาะสมที่สุดรวมทั้งรายได้ผ่านจุดคุ้มทันจนกระทั่งกำเนิดเป็นกระแสในคราวหลังข้างหลังหนังลาโรงรวมทั้งแวดวงภาพยนตร์ก็กลับไปสู่เรื่องราวธรรมดาข้างหลังวัววิดหยุดระบาดเป็นเสียงสรรเสริญจากชาวเน็ตที่ได้ได้โอกาสมองคราวหลังและก็เสียดายที่พลาดไปกระทั่งการรอสิ้นสุดลงการกลับมาของหนังภาคต่อที่เลื่อนจากสิ้นปี 2023 มาต้นปี 2024 ที่ท้ายที่สุดพวกเราก็ได้ดูกันแล้วที่หากแม้จะเพิ่งจะเข้าโรงแต่ว่าผู้กำกับก็ค่อนจะการันตีว่าบทในส่วนภาคสามได้ทำงานจวนใกล้เสร็จแล้ก็เลยยิ่งเพิ่มความระทึกใจสำหรับการขยายจักรวาลที่ไซไฟนี้เพิ่มเท่าตัว ดูหนัง dune ภาค 2

เกี่ยวกับเรื่องราวที่ต่อจากภาคก่อนของมองน เมื่อ พอล และก็ เฟรแมน เริ่มเดินทางปลุกระดมกำลังพลกลางทางเพื่อหวังยืนขึ้นประมือปลดแอ็คจากการเช็ดกเอารัดเอาเปรียบแล้วก็เอาคืนผู้ที่ทำกับเชื้อสาย อะเทความชอบใจส อย่าง ฮาร์คอนเนน และก็เข้าต่อรองกล่าวโทษเป็นธรรมกับจักรวรรดิชั้นสูงเพื่อจบเรื่องราวระหว่างดวงดาว

ความรู้สึกข้างหลังดูจบในความยาวเกือบจะสามชั่วโมงราวกับผู้กำกับรวมทั้งตัวหนังได้ลากผู้ชมอีกทั้งโรงเข้าไปในดวงดาวที่ทะเลทรายได้สมจริงสมจังและก็ดื่มดำบรรยากาศได้ชั้นเลิศมากมายๆจนถึงเชื่อวางใจว่าโลกแล้วก็วัฒนธรรมของพวกเขามีจริงทรงขลังทรงประสิทธิภาพ ในภาคนี้ยังคงขยายเรื่องวัฒนธรรมต่อยอดจากภาคแรกได้อย่างดิบดีและก็มองเห็นมิติเพิ่มมากขึ้นกว่าเคย ทั้งยังฝั่งทรายของเฟรแมน แล้วก็ฝั่งบ้านเครือญาติ ฮาร์คอนเนน และก็ฝั่งพระราชาธิราช มิได้เล่ามุมมองเดียวแบบครั้งก่อนช่วยสนับสนุนเพิ่มมิติแต่ละนักแสดงให้พวกเรารู้เรื่องหลากมุมเหเหม็นตุผลมุมมองจนถึงเปลี่ยนเป็นหนังการบ้านการเมืองไซไฟชั้นเลิศอีกหัวข้อที่น่าดึงดูดตั้งแต่กระทั่งจบได้อย่างพอใช้

ด้วยการแสดงของผู้แสดงหลากหลายชั้นแนวหน้าของแวดวงฮอลลีวูดอีกทั้งหน้าที่ใหม่และก็เก่าที่ยังสามารถส่วมหน้าที่ได้ดิบได้ดีตามสไตล์พวกเขาแม้กระนั้นม้ามืดเจิดแจ่มแจ้งท่ามกลางผู้แสดงมวลมากมายหลากความสามารถคงเป็น เซ็นดาย่า รวมทั้ง ฟลอเรนซ์ พิว ที่ต่างคนต่างเป็นตัวแปร ด้านเซ็นดาย่าผู้แสดงหลักมีหน้าที่มากขึ้นในภาคนี้ที่แสดงดีหน้าชัดแจ้งแล้วก็เชื้อเชิญอินตามหนังได้อย่างยอดเยี่ยม ราวกับเดียวกับ ฟลอเรนซ์ พิว ที่หากแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีเครื่องปรับอากาศไทม์ไม่เท่าเซ็นดาย่าแม้กระนั้นก็เป็นตัวแปรสำคัญที่พอเพียงขึ้นจอกรับส่งปฏิบัติหน้าที่ของคุณเองได้ดิบได้ดี แล้วก็ดาราคนอื่นที่ก็แผ่รัศมีทุกคราวเมื่อกล้องถ่ายรูปได้จับพวกเขามีเวลาปรากฎบนหน้าจอ ดูหนัง dune ภาค 2

จะไม่เคลิ้มตามขนาดนี้หากไม่ได้มาทำงานภาพ และก็ งานสร้าง ที่โคตรตระการตาแล้วก็น่าจะเป็นงานสร้างหนังเรื่องหนึ่งที่ขึ้นหิ้งในตอนยุคนี้อย่างยิ่งจริงๆ งานภาพเสมือนภาพวาดที่มีชีวิต น่าคลั่งไคล้ แล้วก็งามเพลินตาในทุกเฟรมที่กล้องถ่ายรูปแตะต้องอย่างเช่นเดียวงานสร้างที่งามเหมือนจริงกว่าครั้งก่อนเท่าตัวมากมายๆและก็ช่วยสนับสนุนเรื่องราวให้มองทรงประสิทธิภาพตามธีมเรื่องความเชื่อสำหรับการปลุกระดมสำหรับการสู้รบสุดแสนไซไฟได้อย่างพอดิบพอดีประจวบเหมาะ แถมด้วยงานเสียงทั้งยังดนตรีประกอบฉาก เสียงเอฟเฟคในเรื่องออกมาดูดี ติดหู และก็ใช้งานควบคุมก้าวหน้ามากมายๆกับระบบ IMAX ระบบที่ตัวหนังดีไซน์ถ่ายทำเพื่อต้องการให้ได้อรรถรสเต็มกำลังมากมายสุดเมื่อได้ดูหนังประเด็นนี้

เสริมกองทัพด้วยตัวบทที่ยังคงแบบเดิมสำหรับการเล่า ย่อยช้าๆ

ไปอย่างสวยๆแบบภาคก่อนที่จะตอนนี้จะเป็นการเซ็ตติ้งฝั่งการยืนขึ้นขึ้นมาประมือของ อะเทความยินดีส ที่เริ่มไล่เล่าอย่างสมบูรณ์เก็บทุกเม็ดอย่างถี่ถ้วนจนกระทั่งสามารถนำส่วนประกอบการเบาๆชี้แจงช้าๆโกรธแค้นเบิดระเบ้อพีคสุดปรอทได้โอเคในตอนข้อสรุปด้วยฉากแอ็คชั่นสุดตระการตาแบบหนังสงครามฟอร์มยักษ์ที่เคยได้เห็นมานักต่อนัก ที่ใช้วัถตุๆดิบเรื่องราวในโลกตนเองได้ครบแล้วก็สมใจผู้ชมได้ดิบได้ดีมากมายๆอย่างควรเป็นเจริญแถมยังต่อยาอดสำหรับในการขยายจักรวาลมองนได้ดิบได้ดีอีกขึ้นด้วย

มีดีมากมายก็จะต้องมีเสียดายน้อยปกติด้วยตัวหนังที่ช้านานแทบถึงสามชั่วโมงที่ใช้เวลาไปสำหรับเพื่อการปูเรื่องราว เล่าความเป็นมาอย่างแจ่มแจ้งพาผู้ชมอินรวมทั้งเชื่อไปจนกระทั่งจบหนัง หนังกลับใช้เวลาในนิดหน่อยยาวเกินจำเป็นในเล็กน้อย จริงอยู่ว่าความยาวของหนังจะช่วยเสริมให้เรื่องราวชัดแจ้งและก็พอดิบพอดีที่สุดแต่ว่าใช่ว่าจะพอดิบพอดีกับคนอีกจำนวนไม่น้อยที่บางครั้งอาจจะกำลังมุ่งหวังในภาคต่อจำเป็นต้องระเบิดตู้มต้าม เดินเรื่องฉับไวตามสไตล์ภาคต่อบางทีก็อาจจะจำเป็นต้องผิดหวังกันเต็มที ดูหนัง dune ภาค 2

Dune: Part 2 เป็นการเล่าสม่ำเสมอกับการเดินทางในตำนานของ พอล อะเทความชอบใจส ในช่วงเวลาที่เขารวมกลุ่มกับ ชานิ รวมทั้ง เฟรเมนขณะที่อยู่บนทางที่การแก้เผ็ดต่อผู้สมคบที่ทำลายครอบครัวของเขา เมื่อจำต้องพบเจอกับลู่ทางระหว่างความรักในชีวิตของเขากับโชคชะตาของจักรวาลที่เขารู้จัก เขาพากเพียรที่จะคุ้มครองปกป้องอนาคตอันชั่วร้ายที่มีเพียงแต่เขาแค่นั้นซึ่งสามารถเดาได้

‘ใกล้ความสมบูรณ์แบบ’ น่าจะเป็นคำที่ใช้กับหนังหัวข้อนี้เลยก็ว่าได้ แนวความคิดและก็วิธีการประดิษฐ์ของผู้กำกับ “เดอนี วีลเนิฟว์” ยังเฉิดฉายเพลิดเพลินจิตอย่างมีคลาส ถ้าว่าคุณเคยตื่นตะลึงงันกับงานสร้างและก็การวางแบบโลกที่ทรายจากใน Dune ภาคแรกมาแล้ว Dune ภาคนี้ก็ยิ่งจะชักชวนให้ท่านเผลอไผลมากขึ้นไปอีก

แล้ว Dune: Part 2 ก็จัดได้ว่าเป็นเลิศในความยอดเยี่ยมสำหรับการดีไซน์งานสร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งแทบทุกๆด้าน งานโปรดักชันช่างตระตารวมทั้งเก็บเนื้อหาได้แทบจะทุกทรายที่ลอยกระจายไปทั้งยังเรื่อง งานถ่ายรูป การจัดแสงสว่าง การจัดมุมต่างๆทำออกมาได้อย่างละเอียดลออ เกือบจะไม่มีคำพรรณนาอะไรก็แล้วแต่ออกมาเลย Tool Onedrive

การแต่งกายรวมทั้งการเสริมสวยในหนังประเด็นนี้ก็ยังเป็นส่วนประกอบที่เด่น รวมทั้งช่วยขับมนต์ขลังให้กับหนังประเด็นนี้เจริญอย่างเคย เป็นจุดเล็กๆที่ช่วยบิ้วท์อารมณ์ของหนังได้อย่างดีเยี่ยม คล้ายคลึงไปกับอวักระทั่งภาษาที่หนังประดิษฐ์ผลิตขึ้นมา ซึ่งทำให้พวกเรายิ่งสัมผัสให้มองเห็นกระจ่างขึ้นว่าหนังประเด็นนี้ได้กลิ่นอายและก็เพียรพยายามยกย่องพื้นเพวัฒนธรรมของชาวอิสลามรวมทั้งตะวันออกกลางอย่างแจ่มแจ้ง

ช่วงเวลาที่งานเขียนดนตรีประกอบของ

“ฮันส์ ซิมเมอร์” ก็ยังตอกย้ำซ้ำเติมความเป็นมือโปรในแวดวง เป็นการถือเอาซาวน์จากหนังภาคแรกมาร้อยเรียงเชื่อมโยงไปสู่ภาคต่อได้อย่างเชิญเผลอไผล ยิ่งมาอยู่กับฉากในหนังที่มีงานวางแบบเสียงที่แสนจะคมเด็ด แปลงเป็นการผลิตเมโลดีด้ามจับดวงใจรวมทั้งดวงดีทุกโสตประสาทการได้ยินจริงๆ

Dune: Part 2 ยังอัดแน่นไปด้วยกลุ่มผู้แสดงชุดใหญ่ไฟกะพริบดังเช่นว่าเดิม แต่ว่าแปลงเป็นว่านักแสดงชุดเดิมก็ยังปัง ดาราชุดใหม่ก็ส่องแสง “ทิโมธี ชาลาเมต์” สามารถหามหนังทุนสร้าง 200 ล้านเอาไว้บนบ่าของเขาได้อย่างสบายๆการจัดการในหน้าที่นี้ของเขา ทำออกมาได้สมกับเป็นซุปตาร์มือโปร ทุกอาการรวมทั้งท่าทางสำหรับในการสวมวิญญาณเป็นพอล เป็นเสาหลักทรงเสน่ห์ให้กับหนัง

เสริมกองทัพด้วยตัวบทที่ยังคงแบบอย่างเดิมสำหรับในการเล่า ย่อยช้าๆไปอย่างสวยๆแบบภาคก่อนที่จะโอกาสนี้จะเป็นการเซ็ตติ้งฝั่งการยืนขึ้นขึ้นมาประมือของ อะเทความยินดีส ที่เริ่มไล่เล่าอย่างสมบูรณ์เก็บทุกเม็ดให้ละเอียดตราบจนสามารถนำส่วนประกอบการเบาๆอธิบายช้าๆกริ้วเบิดระเบ้อพีคสุดปรอทได้โอเคในตอนข้อสรุปด้วยฉากแอ็คชั่นสุดตระการตาแบบหนังสงครามฟอร์มยักษ์ที่เคยได้เห็นมานักต่อนัก ที่ใช้วัถตุๆดิบเรื่องราวในโลกตนเองได้ครบและก็สะใจผู้ชมเจริญมากมายๆอย่างต้องเป็นก้าวหน้าแถมยังต่อยาอดสำหรับเพื่อการขยายจักรวาลมองนเจริญอีกขึ้นด้วย

มีดีมากมายก็ควรจะมีเสียดายบางส่วนปกติด้วยตัวหนังที่นานแทบถึงสามชั่วโมงที่ใช้เวลาไปสำหรับในการปูเรื่องราว เล่าแหล่งที่มาอย่างแจ่มแจ้งพาผู้ชมอินรวมทั้งเชื่อไปจนกระทั่งจบหนัง หนังกลับใช้เวลาในเล็กน้อยยาวเกินไปในเล็กน้อย จริงอยู่ว่าความยาวของหนังจะช่วยเสริมให้เรื่องราวแจ่มกระจ่างและก็พอดิบพอดีที่สุดแม้กระนั้นใช่ว่าจะพอดิบพอดีกับคนอีกหลายคนที่บางครั้งก็อาจจะกำลังมุ่งมาดในภาคต่อจำต้องระเบิดตู้มต้าม เดินเรื่องฉับไวตามสไตล์ภาคต่อบางครั้งก็อาจจะจำเป็นต้องผิดหวังกันเต็มที

เหมือนกับ “เซนเดยา” ที่ภาคนี้คุณเป็นความสวยสดงดงามที่โก้จริงๆคราวนี้ผู้แสดงของคุณมีความเจริญแล้วก็มีมิติมากขึ้นมากมายจากเดิม แล้วก็ความเป็นมือโปรของคุณก็ขับเสน่ห์ในผู้แสดงนี้ออกมาได้อย่างน่าชื่นชม รวมถึง “รีเบคกา เฟอร์กูสัน” ที่เปลี่ยนเป็นนักแสดงที่น่าเฝ้าดูและก็น่าคลั่งไคล้ไม่น้อย ที่มาพร้อมทั้งการแสดงผ่านท่วงทาต่างๆรวมทั้งด้วยสายตา

ส่วนที่เสริมเข้ามาใหม่ อย่าง “ฟลอเรนซ์ พิว” ที่แม้ว่าจะพึ่งถูกชี้แนะในภาคนี้ แม้กระนั้นก็สัมผัสได้ว่าคุณจะเป็นเยี่ยมในผู้แสดงที่สำคัญในขั้นตอนต่อไป การแสดงของคุณนับว่าน่าประทับใจ หากว่ามิติจะยังมีไม่เท่าไหร่นัก แม้กระนั้นอีกผู้ที่ปังและก็ตึงสุดๆก็คือ “ออสติน บัตเลอร์” ที่ลักขโมยซีนได้อย่างแยบยล กล้องถ่ายรูปรักเขา และก็การแสดงของเขาก็ทำออกมาได้ลึกซึ้ง กระทั่งเกือบจะไม่เชื่อว่านี่เป็นผู้แสดงฝ่ายชายที่พึ่งเข้าแวดวงมาหมาดๆ ดูหนัง dune ภาค 2

โดยภาพรวมแล้ว Dune: Part 2 เป็นมหากาพย์หนังไซไฟอันมีคุณค่า ที่เกือบเพอร์เฟ็คในทุกๆด้าน งานสร้างดีกระทั่งเกือบจะไม่ได้อยากจะกะพริบตา กลุ่มดาราหนังชุดใหญ่ที่ถ่ายทอดออกมาเจริญแบบชูกลุ่ม แล้วจังหวะการเล่าเรื่องและก็แนวทางของเรื่องก็ถูกยกฐานะความสนุกสนานร่าเริงขึ้นอีกเป็นกอง เป็นการเติมเต็มสิ่งที่หนังภาคแรกหายไป

สิ่งที่ผู้ชมหลายๆคนหนักใจว่า Dune: Part 2 ก็ซ้ำรอยเดิมแบบภาคแรกหรือเปล่า คงจำเป็นต้องบอกเลยว่าภาคนี้เป็นการปล่อยของแบบชุดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใส่ฉากแอคชันจังหวะดีๆมากขึ้นมาจากเดิมโดยประมาณ 200% เลยก็ว่าได้ และก็ฉากบู๊ในภาคนี้เด่นรวมทั้งดีเลิศในทุกๆเนื้อหา เป็นการตอบปัญหาผู้ชมได้อย่างเต็มพลัง และก็นี่แหละเป็นสิ่งที่พวกเราและก็คนอื่นต้องการจะได้มองเห็นในหนังหัวข้อนี้ ซึ่งจัดได้ว่า..ปังจริง!

จำเป็นต้องเกริ่นก่อนว่าเรื่องราวในภาคนี้จะเดินเรื่องราวต่อจากในพาร์ทแรกในทันทีทันใด ถ้าหากเปรียบเทียบให้อย่างเห็นได้ชัดคงจะเป็นภาคแรกเป็นเซ็ตอัพส่วนประกอบต่างๆไม่ว่าจะเป็น ผู้แสดง, ความไม่ถูกกัน, อารมณ์ เพื่อมาจัดเต็มในภาคนี้แบบไม่มีกั๊ก

ซึ่งจะกล่าวว่าเลยว่าในตัวภาพยนตร์สามารถทำออกมาได้อย่างไร้ที่ตำหนิอย่างแท้จริง ผลงานชิ้นโบแดงของ เดอนีส์ วิลเนิฟว์ (ผู้กำกับ) สามารถสะกดผู้ชมได้อย่างดียิ่ง มีความสมจริงสมจัง ตรงประเด็น ไม่ยื้ดเยื้อ รวมทั้งประสิทธิภาพที่ยกฐานะภาพยนตร์ได้อย่างเต็มปาก

ฉากการต่อสู้ก็ทำออกมาได้ตรึงใจ พร้อมใช้ประโยนชน์จากภาคแรกได้อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากท้ายที่สุดที่ทำให้ผมรู้สึกราวกับอยู่ในอภิมหาการรบจริงๆ

แต่ว่าที่ทำให้ผมรู้สึกจับใจเยอะที่สุดเป็น ใจความสำคัญที่ต่างในเรื่อง อารมณ์ความรู้สึก ความเจ็บของนักแสดง ความสลับซับซ้อนของผู้คน และก็ การใช้ความเชื่อถือสำหรับในการเคลื่อน

ในส่วนของดาราหนังไม่ว่าจะเป็น ทิโมธี ชาลาเมต์, เซนเดยา, รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน, หน้าจอช โบรลิน, ฮาร์เวียร์ บาร์เด็ม, เดฟ ค่อยทิสต้า, สเตลแลน สการ์สการ์ด, ฟลอเรนซ์ พิว ได้โชว์สมรรถนะสำหรับในการแสดงรวมทั้งสีหน้าท่าทางทางอารมณ์ได้อย่างไร้ที่ตำหนิ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออสติน บัตเลอร์ ที่โชว์ผลงานที่สุดโรคทางจิต เย็นชา สุขุม ได้อย่างน่าดึงดูดจริงๆ