ดูหนังกู๋หว่าไจ๋ ดูหนังออนไลน์ เว็บดูหนังฟรี ดูหนังhd 2024

ดูหนังกู๋หว่าไจ๋

ดูหนังกู๋หว่าไจ๋ การต่อสู้ระหว่างกลุ่ม, ชิงไหวชิงพริบหักเหลี่ยมเชือดคม, การตายของผู้แสดงหลัก, แนะนำตัวละครใหม่, ต่อยตีรบ, เรื่องความรัก แล้วก็เพลงป๊อปกวางตุ้ง เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของ “สูตร” ประจำหนังชุด “กู๋หว่าไจ๋” ที่แม้ว่าจะมองซ้ำๆซากๆแต่ว่าก็ได้ผล หลักฐานก็คือหนังภาคต่อเรื่องราวของ “ห้าวดกน” แล้วก็พวกที่มีให้มองกันตลอดอีกถึง 5 ภาค

คนทำหนังประเทศฮ่องกงท่านหนึ่งเคยบอกเอาไว้ว่า ก่อนจะถึงปี 1997 ดูหนังกู๋หว่าไจ๋

ที่ประเทศฮ่องกงจะคืนสู่การปกครองของจีนนั้น ทุกคนดูเหมือนจะอุตสาหะดำเนินงานให้หนักที่สุด เพื่อหารายได้เป็นทุนสำหรับความไม่เที่ยงที่จะเกิดขึ้น สำหรับแวดวงหนังก็สะท้อนออกมาในทางของการสร้างผลงานออกมาอย่างเร็ว ส่วนมากเป็นหนังชนิดฟาดศีรษะเข้าบ้าน, ทำง่ายมองง่าย แน่ๆว่าค่าทางศิลป์ทางภาพยนตร์บางทีก็อาจจะน้อยไปบ้าง “กู๋หว่าไจ๋” ก็คงจะเป็นงานที่เข้าเกณฑ์ที่ว่านี้แบบเดียวกัน ดูหนังกู๋หว่าไจ๋

จากภาคแรกที่ออกฉายในปี 1995 แล้วก็บรรลุผลสำเร็จทำเงินได้ราว 20 ล้านเหรียญประเทศฮ่องกง ผู้ผลิตก็เลยเข็นภาคต่อตามออกมาทันที ซึ่งก็ไม่ใช่เพียงแค่ภาคสองภาคแค่นั้น แต่ว่าคณะทำงานบ้าพลังยังสามารถเข็นหนังออกมาให้มองกันอีกถึง 4 ภาคใน 3 ปี ระหว่าง 1996 – 1998 ก่อนที่จะพักไปในปี 1999 เมื่อถึง 2000 ก็เลยถึงเวลาของภาค 6 ที่เป็นการสิ้นสุดหนังชุดนี้ ที่ถือได้ว่า “เครื่องหมายที่สมัยในที่สุดของหนังประเทศฮ่องกงสมัย 90s”

กู๋หว่าไจ๋ ภาคสองออกฉายในเวลาแค่ปีเดียวจากการบรรลุผลของภาคแรก

หนังถ่ายทำอย่างเร็ว เพื่อเข้าฉายกอบโกยการบรรลุเป้าหมายของกระแสภาคแรกให้เร็วที่สุด ผลออกมาก็คือ ความเร่งรีบสำหรับในการถ่ายทำ ที่บ่งบอกถึงในงานสร้างที่ไม่ค่อยจะเยี่ยมเสมือนภาคแรก ไม่ค่อยมีงานภาพงามๆให้มองเห็นกันเท่าไร แต่ว่าเช่นไรหนังก็ยังไกลห่างกับคำว่า สุกเอาเผากัน ขั้นต่ำคณะทำงานหนังประเทศฮ่องกงก็ถนัดอยู่แล้วกับการทำงานจานด่วนแบบงี้

สิ่งหนึ่งที่นักเขียนบท รวมทั้งผู้กำกับตกลงใจครั้งสำคัญในหนังภาคนี้ก็คือ การมอบบทเด่นให้กับนักแสดง “ไก่ป่า” ที่ใครๆก็ซาบซึ้งใจในหนังภาคแรก จนถึงแทบแปลงเป็นดารานำชายของเรื่องอีกคน

ยังมีการแนะนำตัวละครใหม่ๆอีกปริมาณหนึ่ง แต่ว่าที่สะดุดตาที่สุดก็น่าจะเป็นผู้ใดไปมิได้นอกเหนือจาก “ต้าเฟย” ที่ หวงซิวเซิง ลักขโมยซีนได้ด้วยลีลาท่าทางการแสดงอันพราวแพรวกับการใส่หน้าที่นักแสดงอันธพาล “ซกม๊ก” ที่มีเอกลักษณ์อยู่ตรงการถูกใจแคะขี้มูก ท่าทางก็โผงผาง, ปากไว, รีบร้อน เสมือนจะ “กาก” แต่ว่าก็หรูกระทั่งเปลี่ยนเป็นขวัญใจของผู้ชมอีกคน

ภาค 3: “หงซิ่ง” vs “ตงซิ่ง”

ระหว่างเดินทางไปฮอลแลนด์ เฉินห้าวครึ้มน เปลี่ยนเป็นแพะรับบาป ถูกยัดเยียดข้อหาจากสถานะการณ์ที่ศีรษะหน้าของ “หงซิ่ง” ถูกลอบฆ่า จากมือดีของกลุ่มคู่อาฆาต เขาถูกตามล่าฆ่าอย่างไร้ความปราณี จะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง สูญเสียกระทั่งแฟนสาวที่รัก ถูกบังคับทุกทาง แทบไม่มีทางออก ดูหนังกู๋หว่าไจ๋

“กู๋หว่าไจ๋ 3 ใหญ่ครองบ้านครองเมือง” เป็นภาคที่มีการชี้แนะกลุ่มศัตรูคู่กรณีของ หงซิ่ง ที่มีชื่อว่า “ตงสิง” ซึ่งจะมีหน้าที่ในหนังชุดนี้ไปอีกยาว

ตงซิ่ง เป็นกรุ๊ปอิทธิพล ที่มี “ทางปิงหยง”

อันธพาลหัวโบราณเป็นลูกพี่ใหญ่ แม้นักเลงรุ่นใหญ่คนนี้จะมิได้มีอะไรแตกคอกับ คุณเจียง หรือ หงซิ่ง แต่ว่าลูกน้องคู่ใจมือซ้าย,ขวากลับไม่คิดแบบนั้น และก็กำลังคิดแผนลับๆเพื่อนำ ตงสิง เปิดศึกชนกับ หงซิ่ง ที่จะนำมาซึ่งการสิ้นไปเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้าวดกน ที่จะต้องสูญเสียคู่รักไปอย่างน่าอนาถ

กู๋หว่าไจ๋ 3 กลับเข้าโรงในปีเดียวกับภาค 2 นั่นเอง

แต่งานสร้างแล้วก็การถ่ายทำจัดว่าเหนือกว่ากันอยู่ก้าวนึง แม้กระนั้นที่สำคัญกว่าก็คือ หนังภาคนี้ยังเพิ่มอารมณ์อันร้ายแรงกราดเกรี้ยวขึ้นไป กับเรื่องราวที่การสิ้นไป, ความตายของผู้แสดงสำคัญ และก็ความเหี้ยมโหดที่มากขึ้นอย่างมาอย่างชัดเจน ผู้แสดงอันธพาลชายหนุ่มก็เติบโตขึ้น เจอกับบททดลองของชีวิตอันเอาจริงเอาจังเอาจริงเอาจังกว่าเดิม

ฉากจบการต่อสู้เปลี่ยนฝนในงานฌาปนกิจศพของ หัวหน้ากลุ่ม ตงซิ่ง ก็มองเพ้อคลั่งมากมาย รวมทั้งฉากลอบฆ่าหัวหน้าหงซิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ให้ผู้ชมตั้งตัว, การไล่ล่าตอนกึ่งกลางเรื่อง ในย่านที่อยู่อาศัยของประเทศฮ่องกงที่ดุเด็ดเผ็ดมันอย่างเดียวกัน นับว่าเป็นภาคที่ “บู๊” กันสนุกที่สุดก็ว่าได้

ข้างหลังการบรรลุเป้าหมายของหนัง 2 ภาคแรก ผู้กำกับ แอนดรู เลา และก็ แมนเฟรด หว่อง ที่รับหน้าที่เขียนบท แสดงออกถึงความทะยานอยากสูงที่สุดในหนังภาคนี้ หากแม้หนังจะดำเนินไปด้วยแบบเดิมๆเป็นความเพลิดเพลินชนิดครบรส ผสมทั้งยังเรื่องหักเหลี่ยมเชือดคม, มีบทรักโรแมนติก รวมทั้งการบีบคั้นอารมณ์ แม้กระนั้น กู๋หว่าไจ๋ 3 ก็ได้ชื่อว่าสามารถดีเด่นได้ด้วยกรอบเดิมๆถึงขั้นที่มีการเชิดชูว่า หนังภาค 3 ก็คือ กู๋หว่าไจ๋ ที่เข้มข้นที่สุด, เคร่งเคลียดที่สุด และก็เหมาะสมที่สุด ใน “ภาคหลัก” ของเรื่องราวอันธพาลชายหนุ่มที่ “หงซิ่ง” ชุดนี้

ภาค 5: เศรษฐกิจเป็นสะเก็ด

กำเนิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับหนังภาค 5 “กู๋หว่าไจ๋ ฟัดใหญ่เมืองตะลึงงัน” เมื่อไม่มีหน้าที่ของ ไก่ป่า ในภาคนี้ แต่ว่าในด้านเรื่องราวก็ยังคงวนเวียนอยู่กับศัตรูตัวใหม่ๆเหตุการณ์ใหม่ๆที่ความสนุกสนานร่าเริงเริ่มต่ำลง รวมทั้งภาพรวมของหนังดูเหมือนเข้าเกณฑ์ “ตัน” เสียแล้ว

ในภาคนี้เรื่องราวได้ยกฐานะจากการรบอันธพาล การต่อยตีของเด็กวัยรุ่นวัยรุ่น มาเป็นความไม่ตรงกันของรุ่นใหญ่ การต่อสู้แก่งแย่งอำนาจที่ดูก่อนวกับเป็นการต่อสู้ด้านการเมือง ห้าวดกน จำเป็นต้องพบมือดีจากตงซิ่งคนใหม่ “ซือเช็ดห้าวดกน” คนชื่อเดียวกับเขา ที่ขอท้าอำนาจเหนือบริเวณถงหลอวาน ด้วยการจัดชิงชัยมวยพนันขึ้นมา

กู๋หว่าไจ๋ ชอบถูกหยามว่ามิได้ให้อะไรกับผู้ชม

มากยิ่งกว่าการฉายภาพหยาบของนักแสดงอันธพาลวัยรุ่นชายหนุ่มหล่อแต่งตัวดีมีรสนิยม, ทำผมเท่ห์ มีสาวสวยๆอยู่รายล้อม แม้กระนั้นตลอดทั้ง 5 ภาคหนังก็แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของนักแสดงเพื่อฉายให้มองเห็นถึงความจริงบางข้อได้อยู่เช่นกัน ดูหนังกู๋หว่าไจ๋

จากกุ้ยริมทางที่เอาชนะด้วย หมัด, มีด หรือปืน ไปสู่โลกที่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ความไม่ลงรอยกันมีอะไรสลับซับซ้อนมากยิ่งกว่านั้น โดยยิ่งไปกว่านั้นในสมัยที่ทรัพย์สินเริ่มหายาก เหล่าอันธพาลจำต้องดิ้นรน ไปสู่วิถีทางใหม่ อุตสาหะลงทุนในธุรกิจ แม้กระนั้นท้ายที่สุดการต่อสู้ในสนามที่ไม่ชำนาญ ก็ยิ่งมีแม้กระนั้นจะเสียเปรียบ งานนี้ ห้าวครึ้มน รวมทั้งพวกแทบเอาตัวไม่รอดเนื่องจากว่าโดนต้มซะสุก เหมือนกับเพื่อนพ้องจาก หงซิ่งผู้คนจำนวนมากที่จะต้องห่วยแตกเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เงินขาดมือ เหตุการณ์ทรามกว่าตอนโดนคู่พิพาทวิ่งถือมีดเข้าใส่เสียอีก

แม้ว่าจะมิได้พรีเซนเทชั่นอะไรที่ลึกซึ้งเยอะมาก แต่ว่าหนังก็สะท้อนข้อเท็จจริงบางสิ่งบางอย่างออกมาได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศของประเทศฮ่องกงข้างหลังคืนกลับสู่การปกครองของจีน ความไม่มั่นใจกับระบอบการปกครองใหม่ แต่ว่าถ้าเกิดจะนับความเพลิดเพลิน, ความลื่นไถลไหลมองมันแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นรองภาคอื่นๆ ดูหนังกู๋หว่าไจ๋

ที่จริงแล้ว หนังภาค 4 รวมทั้ง 5 ก็มิได้ตกอับอะไร แม้กระนั้นชอบถูกเอ่ยถึงในฐานะตอนต่อที่เริ่มไม่ค่อยน่าจำแล้ว ส่วนใดส่วนหนึ่งก็บางทีอาจเนื่องจากรายละเอียดของหนัง แม้ว่าจะมีอะไรใหม่ๆให้มองเห็นกันอยู่บ้าง แต่ว่าภาพรวมบรรยากาศการเล่าเรื่อง ก็มิได้ใหม่พอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก ท้ายที่สุดรายได้ก็เริ่มลงลด แล้วก็ปีต่อๆไปก็มิได้มี “กู๋หว่าไจ๋” มาให้มองกันปีต่อปีอีกต่อไป

ภาค 6: การกลับมาของ “กู๋หว่าไจ๋”

ข้างหลังได้รับการบรรลุเป้าหมายเยอะมากตั้งแต่ภาคแรกออกฉายเมื่อปี 1995 กู๋หว่าไจ๋ จำเป็นต้องพักผ่อนในปี 1999 ที่ไม่มีหนังชุดนี้มาให้มองกัน แม้กระนั้นยังมีภาคยิบย่อยชนิดเรื่องราวต่อยอดของผู้แสดงหลักอื่นๆจนกระทั่งไปถึงภาคก่อนหน้าที่เอ่ยถึงชีวิตในตอนวัยรุ่นของนักแสดงมาให้มองกันอีกหลายภาค Tool Onedrive

จวบจนกระทั่งในปี 2000 แอนดรูว์ เลา ได้เก็บดารากลุ่มเดิม กลับมาร่วมกลุ่มกันอีกรอบ กับหนังที่ถือได้ว่า “ภาคหลัก” ภาคสุดท้ายที่ใช้ชื่อว่า Born To Be King หรือ กู๋หว่าไจ๋ เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าพ่อ

ไก่ป่า ถูกทางกลุ่มซานหลัวที่ไต้หวันที่เขาขึ้นอยู่กับอยู่

ส่งตัวให้ไปสมรสกับ นานาโกะ บุตรสาวของหัวหน้ากลุ่มยากูซ่าใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งแปลงเป็นกุญแจที่ความไม่ถูกกันในกลุ่ม ซานหลัว เมื่อเขารวมทั้งลูกชายของหัวหน้าคนก่อน เปลี่ยนเป็นคู่แข่งขันแก่งแย่งตำแหน่งหัวหน้าคนถัดไป ถึงแม้ส่วนตัวแล้วไก่ป่าจะไม่ต้องการได้ตำแหน่งที่ว่านี่เลย

ท้ายที่สุดเขากลับโดนให้ร้าย ว่าแอบแผนสูงลอบฆ่าผู้ใหญ่ของกลุ่มที่ขวางการขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้า จนถึง ห้าวดกน ที่ขณะนี้แปลงเป็นผู้นำที่ “หงซิ่ง” แทน คุณเจียง จะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

Born To Be King ที่ถือได้ว่าภาคสุดท้ายในชุด “กู๋หว่าไจ๋”

นำความสนุกสนานแบบเดิมๆกลับมาอีกที พร้อมงานสร้างที่ใหญ่มหึมาขึ้น มีการไปถ่ายทำถึงญี่ปุ่น ศิลปินเก่าๆก็กลับมาพร้อมหน้า ที่หายไปก็มีเพียงแค่ ต้าเฟย แค่นั้น แม้กระทั้งชายหนุ่มๆที่แสดงเป็นเพื่อนของห้าวครึ้มน ซึ่งผู้แสดงที่แสดงตายกันไปแล้ว ก็ยังได้ได้โอกาสกลับมาใหม่กับบทใหม่ ดังเช่นว่าเดียวศิลปินดาวร้าย เจิ้งเย้าหยาง ที่เคยเป็นตัวทุจริตในหนังภาค 2 แล้วก็ 3 ก็กลับมากับบทใหม่ เรียกว่าตายกันสามรอบอย่างยิ่งจริงๆกับศิลปินคนนี้ในหนังชุด กู๋หว่าไจ๋ ดูหนังกู๋หว่าไจ๋

ภาคสุดท้ายของ กู๋หวาไจ๋ ยังมีตัวละครน่าดึงดูด เรื่องราวก็ยังผูกกับเหตุการณ์เดี๋ยวนี้ดังเดิม ที่ครั้งนี้เล่นหัวข้อการออกเสียงหัวหน้าใหม่ของไต้หวัน ถึงแม้ภาพรวมก็จะมิได้มีอะไรพิเศษนัก แม้กระนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการจบสิ้นที่มิได้เลวทรามเกินความจำเป็นนัก ขั้นต่ำก็ยังมองบันเทิงใจกว่า 2 ภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ด้วยการผลิตภาคต่อออกมาจำนวนมากในช่วงเวลาไม่กี่ปี กู๋หว่าไจ๋

ไม่ใช่งานที่พิถีพิถันนัก มีการใช้ดาราเวียนกันหลายรอบ อย่าง เจิ้งเย้าหยาง เล่นเป็นตัวคดโกง (ที่มิได้เป็นลูกพี่ลูกน้องแฝดกันอะไร) ในหนังถึง 3 ภาค หรือ “พี่บี” อู๋จื่อสง ที่ผู้แสดงของเขาตายไปตั้งแต่ภาคแรก ก็ยังได้โผล่เข้ามาแจมในหนังภาค 3 ที่โอกาสนี้แปรไปเป็นตัวคดโกงดูบ้าง

ทั้งยัง 6 ภาคหลักของ กู๋หว่าไจ๋ มีเล็กน้อยที่เป็นสูตรซ้ำซากจำเจ รายละเอียดการบีบคั้นผู้แสดงก็แทบเข้าขั้น “น้ำเสีย” อยู่รอมร่อ แต่ว่าในขณะเดียวกันหนังแต่ละภาคก็ยังมีข้อดี มีความไม่เหมือนให้มองเห็นกันอยู่เสมอ มองดูเป็นภาคๆบางครั้งอาจจะไม่ใช่งานที่สะดุดตาอะไรนัก แต่ว่าเมื่อพิจารณาถึง 6 ภาครวมกันและก็จะต้องสารภาพว่าเป็นหนังชุดที่ยิ่งใหญ่พอได้